บทเรียนธุรกิจ เสือนอนกินแห่งวงการกล้องฟิล์ม "Kodak"
"เกิดขึ้นแล้วก็จะต้องดับไป ไม่เทียงแท้ ไม่คงที ไม่ยังยืน ไม่คงอยู่ตลอดไป" เป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรามักจะได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ที่สอนให้เราอย่ายึดติดอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท ให้เรามีสติทุกๆครั้งที่เรากระทำสิ่งใด อะไรที่เกิดมาแล้ว ก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา เหมือนกับไดโนเสาร์ ที่เคยครองโลกหลายล้านปีสุดท้าย ดับสูญไปเพียงเพราะ อุกกาบาตมาชนโลก เท่านั้นเอง
เหมือนกับที่ประเทศไทยเราเคยเจอ อย่างเช่นปั้มน้ำมัน jeffy เข้ามาตีตลาดน้ำมันของประเทศไทย ได้อย่างดี ไม่มีใครจะคิดว่าปั้มน้ำมันขายดีเจ้านี้ ที่กวดรายได้แชงคู่แข็งทั้งหมดอย่างขาดรอย จะขายหุ้นสาขาประเทศไทยให้กับ บริษัทคู่แข่งอย่าง ปตท(PTT) เพียงเพราะกำไรในสาขาประเทศไทยน้อยกว่า ประเทศอื่นเท่านั้นเอง
ย้อนกลับไปหลายปีก่อนใครจะคิดว่า บริษัท Eastman Kodak Company หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ โกดัก(Kodak) เคยเป็นยักใหญ่แห่งวงการกล้อง ทั้งผู้ผลิตกล้อง ฟิล์มถ่ายรูป รวมไปถึงฟิล์มถ่ายภาพยนตร์ ที่ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงใช้กันมากมาย เป็นทั้งผู้คิดค้นฟิล์มสี รวมไปถึงกล้องดิจิทัล แห่งแรกๆของโลก จะล้มละลาย
โกดักกลายเป็นบทเรียนทางธุรกิจชั้นดีของใครหลายคน เพราะโกดักเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล
การกำเนิดของกล้องดิจิทัล และสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถถ่ายรูปได้ และแชร์อยู่โลกภายนอกได้อย่างง่ายดาย แทนที่โกดักจะปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี แต่กับเลือกที่จะขายฟิล์มต่อไป
ทั้งๆที่ พนักงานของบริษัทอย่าง “สตีเวน แซสสัน” เป็นคนคิดค้นกล้องดิจิทัลตัวแรกของโลกขึ้น แต่ทางบริษัทกลับมองว่ากล้องดิจิทัลจะมาแข่งกับธุรกิจหลักของตัวเองอย่างฟิล์มถ่ายรูป จึงมองข้ามไป
สุดท้ายโกดักทนพิษบาดแผลไม่ไว้ เมื่อปี 2012 โกดักได้ยื่นล้มละลาย แต่บริษัทยังคงพอจะอยู่ได้ด้วยธุรกิจฟิล์มภาพยนตร์ เนื่องจากผู้กำกับชื่อดังหลายคน อยากจะอนุรักษ์ฟิล์มภาพยนตร์เอาไว้ อย่างเช่น Christopher Nolan , Quentin Tarantino , Steven Speilberg และ Damien Chazelle ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง La La Land ที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจฟิล์มยังคงอยู่ต่อไป ในปี 2015 CEO ของ โกดักออกมาประกาศว่าคาดธุรกิจฟิล์มจะได้กำไรอีกครั้ง
อ้างอิง
https://news.thaipbs.or.th/content/171789
https://www.thairath.co.th/content/850172
http://news.sanook.com/regiontest/region_32212.php/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น